• ระยะเวลาในการให้ออกซิเจน : สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องออกซิเจนในระดับต่ำ คือมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ระหว่าง 60-80 มิลลิเมตรปรอท สามารถให้ออกซิเจน 30 นาที – 1 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหอบหืด จะต้องให้ออกซิเจน 12 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้มีปริมาณออกซิเจนเพียงพอต่อวัน
• ปรับอัตราการไหลของออกซิเจนให้เหมาะสม โดยสำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องออกซิเจนในระดับต่ำ คือมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ระหว่าง 60-80 มิลลิเมตรปรอท สามารถปรับการไหลของออกซิเจน 2–3 ลิตร/นาที สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องออกซิเจนในระดับสูง คือมีระดับออกซิเจนในเลือดน้อยกว่า 40 มิลลิเมตรปรอท จะต้องปรับการไหลของออกซิเจนเป็น 5 ลิตร/นาที (ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับระดับการไหลของออกซิเจนที่เหมาะสมกับตนเอง)
• ควรเปลี่ยนน้ำในกระบอกทำความชื้นทุกวัน และทำความสะอาดกระบอกทำความชื้นสัปดาห์ละครั้งด้วยผงซักฟอกเพื่อความสะอาด
• สายออกซิเจนใส่จมูกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้ง หากจะใช้ซ้ำควรทำความสะอาดหลังการใช้งาน สามารถแช่ในน้ำส้มสายชู 5 นาทีแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
• ชุดทำให้เป็นละอองเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้ง หากนำกลับมาใช้ใหม่ควรทำความสะอาดหลังการใช้งานทุกครั้ง
• เมื่อเครื่องผลิตออกซิเจนอุณหภูมิสูง ควรทำการพักเครื่องประมาณ 1-2 ชั่วโมง ให้ตัวเครื่องเย็นลง จากนั้นค่อยเปิดใช้งานต่อ (หากไม่ได้ทำการหยุดพักเครื่อง เมื่อเครื่องร้อนเกินไปจะตัดไฟโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันอุปกรณ์เสียหาย)

การดูแลรักษาแผ่นกรองอากาศ

• ควรทำความสะอาดฝาครอบตัวกรอง และแผ่นกรองอากาศอยู่เสมอ ทุกๆ 2-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความบ่อยครั้งของการใช้งาน
• วิธีการทำความสะอาด: สามารถทำความสะอาดได้โดยใช้น้ำสะอาด และตากให้แห้ง แล้วจึงนำกลับมาใส่ในเครื่องผลิตออกซิเจน
• แผ่นกรองอากาศสามารถนำมาทำความสะอาดได้ 5-10 ครั้ง จากนั้นควรทำการเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศใหม่

คำเตือน

• ควรตั้งเครื่องผลิตออกซิเจนในบริเวณที่ไม่มีแสงแดด ไม่มีก๊าซกัดกร่อน มีอากาศถ่ายเทดี และวางห่างจากกำแพงอย่างน้อย 1 ฟุต
• ห้ามสูบบุหรี่ขณะใช้ เครื่องออกซิเจน 10L
• ห้ามวางแหล่งกำเนิดไฟไว้ในห้องที่มี เครื่องออกซิเจน 10L
• ในการเคลื่อนย้าย เครื่องออกซิเจน 10L จะต้องวางเครื่องในแนวตั้ง หลีกเลี่ยงการกลับหัวเครื่องออกซิเจน และถอดกระบอกทำความชื้นออกจากเครื่องเมื่อต้องการเคลื่อนย้าย